รู้จักกับเทรนด์จัดฟัน

เพราะปัญหาเรื่องบุคลิกภาพที่เกิดจาก ‘ฟัน’ ไม่ได้เป็นแค่เฉพาะกับวัยรุ่น แต่รวมไปถึงคนทำงานหรือผู้ใหญ่อย่างเรา ๆ ด้วยเหมือนกัน แต่ก็อย่างที่ว่าแหละ ถ้าจะให้คนทำงานไปใส่เหล็กดัดฟัน นอกจากจะดูเป็นอะไรที่กระชากวัยเกินไปสักหน่อยแล้ว มันก็อาจทำให้ความน่าเชื่อถือในหน้าที่การงานของเราลดลงไปด้วย และด้วย Pain Point ที่ผู้ใหญ่หรือคนทำงานหลาย ๆ คนต้องเจอนี้เอง เป็นสิ่งที่ทำให้เกิดการจัดฟันแบบใหม่ในตลาดที่เรียกว่า ‘การจัดฟันแบบใส หรือ Invisalign’ ขึ้นมา

หลายคนอาจจะสงสัยว่ามันคืออะไร ? ถ้าอย่างนั้นแล้วมาหาคำตอบจากด้านล่างนี้กันเลยดีกว่า

การจัดฟันแบบใสคืออะไร

ถ้าพูดให้เห็นภาพเลย มันก็เหมือนการจัดฟันที่เราคุ้นเคยกันนั่นแหละ เพียงแต่เปลี่ยนอุปกรณ์ที่ใช้ในการจัดฟันจากเหล็ก เป็นพลาสติกใส ที่ผู้จัดฟันสามารถใส่เข้าและถอดออกได้ทุกเวลา และด้วยความใสนี้เอง ทำให้ถ้าไม่สังเกตหรือเข้ามาดูใกล้ ๆ จริง ๆ ก็จะไม่มีใครรู้เลยว่าคุณกำลังจัดฟันอยู่ แถมยังใช้เวลาในการรักษาโดยเฉลี่ยอยู่ที่ 1-2 ปี ซึ่งน้อยกว่าการจัดฟันแบบเหล็กประมาณ 30% เลยทีเดียว (ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับปัญหาสุขภาพฟันของคนไข้แต่ละคนด้วย)

ดีกว่าการจัดฟันแบบเดิม ๆ ตรงไหน

นอกจากจะใช้เวลารักษาน้อยกว่าเดิมแล้ว การจัดฟันแบบใสก็ยังทำให้ Lifestyle ของแต่ละคนง่ายขึ้นด้วย เพราะนอกจากจะช่วยลดปัญหาการโดนเหล็กเกี่ยวปาก กันจนทำให้เกิดอาการร้อนในภายในช่องปากเป็นว่าเล่นแล้ว การจัดฟันแบบใสก็จะทำให้ปัญหาเศษอาหารที่มักจะติดอยู่ที่ซอกเหล็ก ที่เป็นต้นเหตุของฟันผุ ปัญหาสุขภาพปากและฟันต่างๆ หายไปด้วยเช่นกัน ซึ่งเป็นต้นเหตุของฟันผุและปัญหาสุขภาพปากและฟันต่าง ๆ


แถมยังทำให้คุณไม่ต้องเสียเวลาในชีวิตเหมือนแต่ก่อน เพราะเอาแค่เปลี่ยนยางก็ต้องเข้าไปหาหมอกันทุกเดือน แต่การจัดฟันแบบใส เครื่องมือถูกผลิตเสร็จตั้งแต่ต้นจนจบ ตั้งแต่เริ่มการรักษา จึงทำให้ไม่ต้องเข้ามาพบทันตแพทย์เพื่อเปลี่ยนเครื่องมือ

ไม่ใช่แค่กับผู้ใหญ่ แต่เทรนด์ของคนยุคใหม่ก็ไม่นิยมโชว์เหล็กดัดฟันแล้วเหมือนกัน

ไม่ใช่แค่กับคนทำงานที่ต้องอาศัยความน่าเชื่อถือ บุคลากรชั้นแนวหน้า นักธุรกิจ ดารา นักแสดง คนในวงการบันเทิง หรืออาชีพที่ห้ามใส่เหล็กดัดฟันอย่างเด็ดขาดคือแอร์โฮสเตสเท่านั้น แต่การจัดฟันแบบใสนี้กำลังเป็นเทรนด์ที่ได้รับความนิยมในกลุ่มคนทั่วไปและวัยรุ่นทั้งในและต่างประเทศด้วยเช่นกัน

เพราะในแง่ของ Functional มันคือความสะดวกสบายในการใช้ชีวิตที่มากกว่า ส่วนในแง่ของ Emotional การจัดฟันแบบใสก็ยังตอบโจทย์ผู้บริโภคในยุคนี้ ที่ชอบความเรียบง่ายมากขึ้น แถมการจัดฟันแบบใสก็ยังทำให้แต่ละคนสามารถปรับเปลี่ยนเป็นลุคต่าง ๆ ได้มากกว่าเดิม และยังเป็นการหลีกหนี Image ของการจัดฟันแฟชั่นที่ผิดกฎหมายที่ให้ภาพลักษณ์ในเชิง Negative อีกด้วย

เทคโนโลยีล้ำหน้าแบบนี้ ในไทยก็มีแล้วเหมือนกัน

เหมือนจะเป็นเรื่องใหม่ แต่การจัดฟันแบบใสเป็นสิ่งที่คลินิกทันตกรรมแห่งหนึ่งในไทยทำมาแล้ว โดยคลินิกที่ว่านี้ก็คือ เดนต้าจอย ที่เปิดให้บริการมาแล้วกว่า 30 ปี เป็นผู้นำการรักษาการจัดฟันแบบใส (Invisalign) แห่งแรกในประเทศไทย และยังได้รับการการันตีอันดับจาก อไลน์เทคโนโลยีสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นผู้คิดค้นการจัดฟันแบบใส ว่าเป็นผู้ให้บริการการจัดฟันแบบใส (Invisalign) ในระดับ Blue Diamond Provider อีกทั้งเดนต้าจอยยังเป็นอันดับ 1 ที่มีเคสการรักษามากที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มาอย่างต่อเนื่อง
และสำหรับคนที่สนใจอยากจะไปจัดฟันใสที่เดนต้าจอยบ้างละก็ Marketeer ก็เลยจะขอเล่ารายละเอียดคร่าว ๆ ของการจัดฟันที่นี่ให้ฟัง

clincheck


เริ่มต้นด้วยการสแกนช่องปากที่สามารถแสดงผลเป็น 3 มิติ ประกอบการปรึกษา เพื่อการวางแผนการรักษาในโปรแกรมคอมพิวเตอร์ 3D เพื่อให้ทั้งทันตแพทย์และผู้ที่เข้ารับการจัดฟันได้เข้าใจตรงกัน และเพื่อให้ได้ผลการรักษาที่พอใจต่อทั้งสองฝ่ายนั่นเอง

ถือเป็นความแปลกใหม่ ที่สามารถเข้ามาตอบโจทย์ Pain Point ของผู้บริโภคในยุคนี้ได้เป็นอย่างดี เพราะแม้ปลายทางของที่จัดฟันคือความสวย แต่ก็อย่าลืมว่าระหว่างทางที่กินระยะเป็นเวลาหนึ่งปี สองปี สามปี หรือมากกว่านั้น พวกเขาก็ยังคงต้องการบุคลิกภาพที่ดีอยู่เหมือนกันและธุรกิจที่เกี่ยวกับสุขภาพ การแพทย์ หรือทันตกรรม ก็ยังต้องอาศัยความน่าเชื่อถือ คุณภาพ และการบริการที่ดี ซึ่งด้วยการการันตีของผู้คิดค้นการจัดฟันแบบใสจากอเมริกาและการทำธุรกิจที่มีมากว่า 30 ปี หรือโลเคชั่นของร้านซึ่งตั้งอยู่ที่อาคารฟิฟตี้ฟิฟท์พลาซ่า ชั้น1 ทองหล่อ ซอย 2 ทั้งหมดทั้งมวลนี้จึงส่งผลให้ เดนต้าจอย มีเคสการจัดฟันแบบใสเป็นอันดับ 1 ในไทย และในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มาอย่างต่อเนื่องนั่นเอง

เห็นข้อดีที่มากกว่าแบบนี้แล้ว คุณยังจะจัดฟันด้วยการใส่เหล็กแบบเดิม ๆ อยู่หรือเปล่า?

สามารถหาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.dentajoy.com หรือ facebook.com/DentajoyDental